[SF] ผ่านมาแค่ให้จำ (EXO)
Paring: Kris x Lay ft. Tao แนะนำให้ฟังเพลง 'ผ่านมาแค่ให้จำ' คลอร์ไปด้วย จะเพิ่มความอิน(?) ยิ่งขึ้นค่ะ
ผู้เข้าชมรวม
578
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
SF : ผ่านมาแค่ให้จำ
Paring: Kris x Lay ft. Tao
แฮ่ก แฮ่ก ใครคนหนึ่งวิ่งมาหยุดตรงหน้าผม ใบหน้าหวานค่อนไปทางสวย ปอยผมสีน้ำตาลเข้มดัดลอนอ่อนๆตกลงมาปกใบหน้าเรียวเล็กน้อย ดวงตาคู่สวยรื้นไปด้วยหยดน้ำตา หากแต่ก็ไม่ทำให้ความสวยของคนตรงหน้าลดลงไปเลย สวยซะจนไม่อยากเชื่อว่าคนหน้าเป็นผู้ชายเหมือนกับผม หากริมฝีปากสีชมพูไม่เอื้อนเอ่ยคำใดๆออกมา
"ขอผมอยู่ที่นี่ด้วยคนนะครับ" ร่างบางของคนที่เพิ่งปรากฏตัวต่อหน้าผมเอ่ยขึ้นพลางก้มหัวขอความเห็นใจเต็มที่
"ไม่ คุณจะมาอยู่กับผมได้ยังไง" ตอบกลับไปแบบไม่ต้องคิด
"ขอร้องล่ะ ให้ผมอยู่ที่นี่ด้วยคนนะ" คราวนี้ไม่ได้ก้มหัวให้เหมือนตอนแรกแต่กลับมาเกาะแขนขอร้องผมเหมือนเด็กๆแทน
"ไม่ ที่นี่ไม่เหมาะกับคุณหรอก เชื่อผม กลับไปอยู่ในที่ของคุณซะ" ว่าพลางสะบัดแขนให้หลุดจากการเกาะกุมของคนหน้าหวาน
"ผมขอร้อง ถ้าคุณให้ผมอยู่ที่นี่ผมจะยกสร้อยเส้นนี้ให้เลย" พูดพลางถอดสร้อยเงินที่คอออกก่อนจะยัดเยียดใส่มืออีกฝ่าย
"ไม่ ยังไงผมก็ให้คุณอยู่ที่นี่ไม่ได้"
เมื่ออีกคนยืนกรานหนักแน่นว่าไม่ให้อยู่ด้วย เค้าก็คงไม่หน้าด้านตื๊อต่อไป คนตัวบางกำสร้อยที่ร่างสูงปฏิเสธอย่างไม่ใยดีไว้ในมือแน่น ก้มหน้าเตรียมเดินออกจากที่แห่งนี้ หากแต่ก้าวไปได้เพียงก้าวเดียวก็ต้องหยุดเสียก่อน เมื่ออยู่ๆมือเรียวของตนถูกอีกฝ่ายฉวยไว้
"ผมให้คุณอยู่ได้แค่ 2-3 วันนะ"
จบประโยคคนตัวบางก็โผเข้ากอดผมด้วยความดีใจ ก่อนจะผละออกทันทีที่นึกได้ว่ากำลังกอดคนแปลกหน้าอยู่ ก้มหน้าเขินอายเล็กน้อยแล้วจึงเอาสร้อยในมือไปสวมให้กับคนตรงหน้าแทน
"ฉันให้ แทนคำขอบคุณ"
และนั่นก็เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด
โพสอิทสีเหลืองใบแรกถูกแปะลงบนผนัง ข้างๆ กันมีรูปของคนหน้าหวานแปะไว้อยู่ก่อนแล้ว
'ชื่ออื้ชิง จะมาอยู่ด้วย2-3วัน'
...................
..........
ผมตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ที่น่าหวาดกลัว กลัวว่าในแต่ละวันที่ลืมตาตื่นขึ้นมาผมจะลืมอะไรไปบ้าง น่าแปลกที่ผมจำเค้าได้
'สร้อยนาฬิการูปหยดน้ำ อี้ชิงให้เป็นของตอบแทน'
โพสอิทใบที่สองถูกแปะลงบนพื้นที่ว่างข้างๆ กัน
หยิบสร้อยที่คอขึ้นมาดูก่อนจะเผลอยิ้มออกมาเบาๆ นานแค่ไหนแล้วนะที่ผมไม่ได้รู้จักกับรอยยิ้ม ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความสุขชั่วครู่ก่อนจะคว้าผ้าเช็ดตัวเข้าไปอาบน้ำ
..........................
แอ๊ดดดดดดดดด
เปิดประตูออกมาก็เจอกับอี้ชิงในชุดเดิมกำลังก้มๆ เงยๆ กวาดบ้านอยู่ ท่าทางดูไม่คล่องแคล่วเหมือนกับลูกคุณหนูที่ไม่เคยหยิบจับงานบ้านมาก่อน ผมแสร้งตีหน้าขรึมใส่คนตรงหน้า เพราะอะไรผมก็เองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำแบบนี้ ผมรู้แต่เพียงว่า เราไม่ควรผูกพันกัน อีก2-3วัน เราก็ไม่เจอกันแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมคิด
แต่ความคิดกับการกระทำของคนเรามักสวนทางกันเสมอ
ผมเดินกลับเข้าห้องไปหยิบ ผ้าขนหนูผืนใหม่ เสื้อยืดแล้วก็กางเกงตัวเล็กที่สุดในตู้ ก่อนจะกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับยัดชุดและผ้าเช็ดตัวใส่มือบาง
“ไปอาบน้ำซะ”
อี้ชิงรับเสื้อผ้ามาถือแบบงงๆ พอตั้งตัวได้ก็พยักหน้าตอบ
“อื้อๆ”
………………………..
เสื้อยืดตัวเล็กที่สุดของคริสพอมาอยู่บนตัวอี้ชิงกับกลายเป็นเสื้อตัวโคร่งสไตล์ฮิพฮอพ กางเกงขาสั้นที่ปกติเจ้าของเคยใส่อยู่เหนือเข่า พออีกคนใส่กลับกลายเป็นกางเกงสามส่วนไปซะได้
“ฮ่ะๆๆๆ” หลุดขำออกมาหลังจากเห็นคนหน้าหวานในร่างฮิพฮอพ
“อ่ะ..เอ่อะ มันตลกมากเลยหรอ” เกาท้ายทอยเก้อเขิน พลางก้มลงดูชุดที่ตัวเองสวมใส่อยู่อย่างไม่ใจนัก
“ไม่หรอก ไปกันเถอะ” พูดจบก็เดินนำคนตัวบางออกไป
อี้ชิงตั้งสติได้ก็รีบสาวเท้าตามร่างสูงที่เดินนำออกไปทันที
..........................
ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังหนึ่ง คริสกดกริ่งหน้าบ้านอยู่สองครั้ง เจ้าของบ้านจึงเดินออกมาเปิดประตูให้
“อ้าว วันนี้ครูคริสพาใครมาด้วยคะเนี่ย” สาวใหญ่วัยกลางคนผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยทัก อันที่จริงแล้วเธอเป็นแม่ของลูกศิษย์ที่คริสมาสอนเปียโนให้
“เพื่อนหน่ะครับ พอดีเพิ่งย้ายมาอยู่โซล เลยไม่กล้าปล่อยไว้คนเดียว ถ้ายังไงรบกวนด้วยนะครับ” คริสพูดพลางโค้งหัวเล็กน้อยอย่างสุภาพ
“สวัสดีฮะ ผมชื่ออี้ชิง ฝากตัวด้วยนะครับ” พูดพลางส่งยิ้มหวานและโค้งตัวทำความเคารพอย่างน่าเอ็นดู
“ฮะๆๆ หนูอี้ชิงนี่น่ารักจังเลย มาๆ เข้าบ้านกันดีกว่า ยืนตรงนี้นานๆ เดี๋ยวผิวขาวๆของหนูอี้ชิงเสียกันพอดี” คุณป้าเจ้าของบ้านพูดจบก็เดินนำเข้าบ้านไป
………………………..
ความจริงอีกข้อที่อี้ชิงเพิ่งรู้เกี่ยวกับร่างสูงคือ ชายหนุ่มเป็นครูสอนเปียโน
ยามที่ปลายนิ้วเรียวไล่ไปตามคีย์บอร์ด ศรีษะมนโยกไปตามจังหวะ ใบหน้าหล่อจัดหลับตาพริ้มเคลิบเคลิ้มกับท่วงทำนองที่ตนบรรเลง ช่างเป็นภาพที่น่าประทับใจอย่างยิ่งในสายตาของอี้ชิง
‘ทำไมนายถึงหล่อขนาดนี้นะคริส’
เค้าไม่เคยรู้มาก่อนว่าดนตรีสามารถทำให้คนหลงใหลได้ขนาดนี้ สะบัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านไปสองสามที
………………………….
คริสสอนเสร็จก็เดินเข้าไปลาเจ้าของบ้านในครัว
“ผมกับอี้ชิงขอตัวกลับก่อนนะครับคุณป้า”
“เดี๋ยวสิจ๊ะ อยู่ทานข้าวเย็นด้วยกันก่อนสิ อีกแปบก็เสร็จแล้ว หนูอี้ชิงด้วยนะลูก” ไม่รู้เพราะถูกชะตาหรือเอ็นดูเด็กหนุ่มหน้าหวานกันแน่ แต่สาวใหญ่ก็ลงมือเข้าครัวทำอาหารแต่หัววันเพื่อให้เสร็จทันก่อนที่คริสจะสอนเสร็จ ทั้งๆที่ปกติกว่าจะตั้งสำรับก็ตอน6โมงเย็น
“เอ่อ ก็ได้ครับ” คริสอึกอักเล็กน้อย เพราะตนเป็นคนขี้เกรงใจ ผิดกับอี้ชิงที่ยิ้มร่า พลางเข้าไปขอช่วยเป็นลูกมือให้กับสาวใหญ่ใจดี
.........................
แววตาซุกซนเหมือนลูกแมว ท่าทางที่ไร้เดียวสา รอยยิ้มอ่อนโยน ทุกอย่างล้วนอยู่ในสายตาร่างสูง ก่อนภาพทุกอย่างจะพร่าเบลอไปเล็กน้อยเพราะอาการของโรคประจำตัวกำเริบ มือหนาเกาะผนังไว้เป็นที่พักพิงจนตั้งหลักกลับมายืนตัวตรงได้อีกครั้ง
อาหารเย็นสองสามอย่างถูกจัดลงบนโต๊ะ ก่อนที่เด็กสาวตัวน้อยที่เป็นทั้งลูกศิษย์ของคริสและลูกสาวคนเดียวของคุณป้าใจดีวิ่งลงมาจากชั้นสองแล้วตรงดิ่งนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆครูคนสนิท คุณป้าเจ้าของบ้านนั่งหัวโต๊ะ อี้ชิงกับคริสนั่งตรงข้ามกัน
นี่นับเป็นอาหารมื้อแรกที่ทั้งคู่ทานร่วมกัน คริสลอบแอบมองร่างบางตักอาหารเป็นระยะๆ จนเผลอยิ้มมุมปาก เมื่อเห็นท่าทางการกินที่ไม่ต่างกับเด็กน้อยข้างๆกายตนเลย
หลังมื้ออาหารคาวและหวานเสร็จสิ้นลง คริสกับอี้ชิงก็กล่าวขอบคุณเจ้าของบ้านและบอกลาเด็กสาวตัวน้อยที่ไปๆมาๆกลับกลายมายืนจูงมือพี่สาวคนสวย(?)ไปซะได้
“พี่ไปก่อนนะจ๊ะโซอึน ไว้วันหลังจะตามครูคริสมาเล่นด้วยใหม่นะ” อี้ชิงพูดพลางลูบหัวเด็กสาวตัวน้อยอย่างเอ็นดู
“จริงๆนะคะ ครูคริสต้องพาพี่อี้ชิงคนสวยมาเล่นกับโซอึนอีกนะคะ” เด็กสาวยิ้มร่าพลางหันไปทางคุณครูหนุ่มให้รับปาก
ร่างสูงยิ้มเล็กน้อยพลางลูบหัวลูกศิษย์ตัวจ้อยก่อนจะหันไปโค้งหัวลาให้คุณป้าเจ้าของบ้านอีกครั้ง
...........................
“นี่คริส รอกันด้วยสิ” อี้ชิงตะโกนไล่หลังร่างสูงที่ตั้งแต่เดินออกจากบ้านคุณป้าใจดีก็จ้ำอ้าวไม่รอตนเลย
คริสหยุดเดินทันที ทำให้ร่างบางที่วิ่งตามมาไม่ทันตั้งตัวชนเข้ากับแผ่นหลังแกร่งอย่างแรงจนล้มลงไป
คนตัวบางปัดแขนขาที่มีรอยถลอกเป็นทางยาวก่อนจะบ่นออกมาเบาๆ
“โอ๊ย เจ็บชะมัดเลย”
“แค่นี้ไม่ตายหรอกน่า รีบๆลุกขึ้นมาได้แล้ว” ปัดมือร่างบางที่ยืนให้ช่วยดึงตัวเองขึ้นอย่างไม่ใยดี ก่อนจะเดินต่อไป
อี้ชิงที่เห็นว่าร่างสูงคงไม่ยอมช่วยตนแน่ จึงพยายามลุกขึ้นด้วยตัวเอง แต่ก็ต้องล้มไม่เป็นท่า เมื่อบาดแผลที่เห็นเจ็บกว่าที่คิด
“โอ๊ย ฮือๆ คริสช่วยฉันด้วย เจ็บ ฮือๆๆๆ” ทั้งเจ็บ ทั้งกลัวว่าจะถูกคนตัวสูงทิ้งไว้จริงๆ จึงร้องไห้งอแงออกมาเสียงดัง
เป็นผลให้ร่างสูงหยุดการก้าวเดินอีกครั้ง ก่อนจะตีหน้านิ่งหันกลับไปหาคนที่ตัวเองคิดว่ากำลังเล่นละครอยู่อย่างหัวเสีย แต่แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นใบหน้าหวานเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตา รอยถลอกที่แขนและขาก็เลือดซิบจนใครเห็นก็ต้องแสบแทน คิดได้ดังนั้นก็รีบวิ่งกลับไปหาร่างบางก่อนจะคุกเข่าลงกอดปลอบ
ใบหน้าอี้ชิงที่นั่งทรุดอยู่ที่พื้นซบลงกับอกแกร่งของอีกคน ก่อนจะร้องไห้สะอึกสะอื้น คริสทำอะไรไม่ถูกได้แต่กอดปลอบคนในอ้อมแขน พลางลูบหัวราวกับคนตรงหน้าเป็นเด็กตัวเล็กๆ
“ฉันขอโทษ เจ็บมากมั้ย?”
“ฮึกๆ เจ็บสิ ฮึกๆ ทีหลังอย่าทิ้งฉันไว้แบบนี้ ฮึก อีกนะ” พูดไปสะอื้นไปจนคนฟังอดรู้สึกผิดไม่ได้
“อืม ไม่ทิ้งแล้ว หยุดร้องซะนะ เดี๋ยวฉันจะพากลับบ้าน” คริสประคองคนตัวบางให้ลองยืนขึ้น แต่เมื่อเห็นว่าเดินไม่ไหวแน่แล้ว เค้าจึงก้มตัวลงแบกอี้ชิงไว้บนหลังแทน
..........................
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ระหว่างคนอาศัยกับเจ้าของบ้านก็แน่นแฟ้นขึ้นจนกลายเป็นความผูกพัน จาก 2-3 วัน กลายเป็นหนึ่งอาทิตย์ จนล่วงเข้าหนึ่งเดือน
"อี้ชิง มากินข้าวได้แล้ว" ร่างสูงของเจ้าของบ้านตะโกนเรียกใครอีกคนที่กำลังหมกมุ่นอยู่กับการกวาดบ้าน
"อืม จะไปเดี๋ยวนี้แหละ"
"มาแล้วๆ ว้าว กับข้าวน่าทานจังเลย นายทำเองหมดเลยหรอคริส" หยิบตะเกียบขึ้นมาคีบหมูทอดชิ้นโตเข้าปาก
"อร่อยก็กินเข้าไปเยอะๆ" พูดพลางคีบกับข้าวใส่จานร่างบางไม่หยุด
"พอแล้วๆ เรากินไม่ทันแล้ว ดูซิ พูนจานเลย นายเองก็กินบ้างสิ" อี้ชิงคีบกับข้าวที่เหลือใส่จานร่างสูงกลับ ราวกับจะแกล้งอีกคนคืนก็ไม่ปาน
แล้วสงครามย่อมๆบนโต๊ะอาหารก็จบลงก่อนที่คริสจะขอตัวขึ้นห้อง
โพสอิทใบแล้วใบเล่าถูกเขียนแปะฝาผนัง เนื้อหาข้างในล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับร่างบางที่ชื่อ
'จางอี้ชิง' ทั้งสิ้น
'อี้ชิงชอบกินหมูทอดที่สุด'
'อี้ชิงกลัวแมลงสาป'
'พรุ่งนี้อี้ชิงบอกว่าอยากไปเที่ยวสวนสนุก'
............................
ใครบางคนเคยบอกผมว่า ‘เวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ’ แต่ผมไม่เคยเชื่อมันเลย จนผมได้เจอกับตัวเอง
“คริส แต่งตัวเสร็จยัง เราพร้อมแล้ว” ร่างบางในชุดเสื้อกล้ามสีขาวเข้ารูป สวมทับด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสีเทาเข้ม ที่คอขาวถูกประดับด้วยสร้อยสีเงิน ชุดธรรมดาๆที่หากเป็นคนอื่นใส่คงไม่น่าสนใจอะไร แต่พอทุกอย่างมาอยู่บนตัวคนๆนี้ มันกลับชวนมอง น่าหลงใหลจนอยากเป็นเจ้าของ อยากครอบครองไปเสียทุกสิ่ง ไม่เว้นแม้แต่ร่างผิวน้ำนมของผู้ที่ทำหน้าที่เป็นไม้แขวนเสื้อชั้นเยี่ยมอย่างอี้ชิง
“อืมๆ เสร็จแล้ว ไปกันเลย” มือหนาจับมืออีกคนขึ้นมาจูงเดินคู่กัน
ร่างสูงก้มมองมือของตนที่กุมมือร่างบางไว้ ก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข รอยยิ้มที่เกิดขึ้นมาอย่างนับครั้งไม่ถ้วนตั้งแต่คนข้างๆก้าวเข้ามาในชีวิตเค้า
.............................
สวนสนุกล็อตเต้เวิลด์
“คริส ไปเล่นอันนั้นกันเถอะ” อี้ชิงจูงมือคนตัวสูงข้างกายวิ่งไปทางเครื่องเล่นที่ตนอยากเล่น
พอวิ่งมาถึงเครื่องเล่นก็พบว่าจำนวนคนต่อแถวรอเล่นเครื่องแล่นนี้ยาวเป็นหางว่าว จนต้องถอดใจ
เห็นสีหน้าผิดหวังของคนข้างกายแล้วก็อดสงสารไม่ได้ จนต้องใช้หน้าตาที่หล่อเหลาของตนให้เกิดประโยชน์ คนตัวสูงมองไปที่หญิงสาวสองคนที่ยืนอยู่เกือบๆหัวแถว
“เดี๋ยวฉันมานะ” บอกคนตัวบางก่อนจะปล่อยมือที่กุมไว้ออก แล้วเดินเข้าไปหาหญิงสาวสองคนที่เป็นเป้าหมายทันที
“เอ่อ..ขอโทษนะครับ พอดีพรุ่งนี้ผมกับน้องชายต้องกลับต่างประเทศกันแล้ว คงไม่มีโอกาสได้มาเล่นเครื่องเล่นนี้อีก จะเป็นไรมั้ยครับ ถ้าผมอยากจะขอคิวของคุณคนสวยทั้งสองแลกกับตั๋วหนังสองใบนี้” คนตัวสูงพูดพลางส่งยิ้มประดับใบหน้าหล่อๆให้สองสาวที่ดูเหมือนว่าจะจิตหลุดไปตั้งแต่เค้าเดินเข้าไปทักแล้ว
และก็เป็นไปตามคาด ใบหน้าเคลิ้มของหญิงสาวทั้งสองพยักหน้าขึ้นลงไม่หยุด ประหนึ่งว่า ชายหนุ่มขออะไรมากกว่านี้พวกเธอก็พร้อมจะให้
คริสกล่าวขอบคุณก่อนจะเดินกลับไปหาอี้ชิงและบอกว่าหญิงสาวสองคนนั้นยกคิวให้พวกเราแล้ว ร่างบางที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ตลอดเดินตามไปอย่างว่าง่าย พลางยิ้มขำให้กับความเจ้าเล่ห์ของคนตัวสูง
“ขอบคุณครับ” ภาษาเกาหลีติดจะเหน่อนิดๆตามประสาชาวต่างชาติเอ่ยขอบคุณหญิงสาวทั้งสองคนที่ยอมสละคิวให้กับตนและคริส
“เนียนมากเลยนะ” คริสกระซิบ
ก็จะไม่ให้ชมได้ไง ในเมื่อปกติคนตรงหน้าพูดภาษาเกาหลีได้คล่องและสำเนียงชัดไม่แพ้กับคนเกาหลีแท้ๆ แต่พอตนบอกว่าเมื่อกี๊โกหกสองสาวไปว่ากำลังจะกลับประเทศ คงไม่ได้มาเล่นเครื่องเล่นอีกแล้ว เลยต้องตามน้ำแกล้งแอ๊บสำเนียงกะเหรี่ยงไป
“เอ่อะ คือจะเป็นไรมั้ยคะ ถ้าพวกเราจะขอถ่ายรูปคุณสองคนเป็นที่ระลึกอะค่ะ” หญิงสาวคนนึงในสองคนนั้นพูดพลางยกกล้องโพราลอยด์ขึ้นชู
“ตกลงครับ” คนตัวบางตอบตกลงทันที ก่อนจะเอาแขนพาดคอคนตัวสูงกว่า
คริสทำอะไรไม่ถูกได้แต่ยิ้มเก้อเขิน จนหญิงสาวยื่นรูปโพราลอยด์สองใบให้ดู
“ใบนึงพวกเราขอเก็บนะคะ ส่วนอีกใบให้พวกคุณค่ะ”
อี้ชิงยิ้มขอบคุณก่อนจะรับรูปโพราลอยด์มาถือไว้ในมือแล้วชูให้คริสดู
ภาพในรูปเป็นภาพที่คริสกำลังหันหน้ามองคนข้างกาย สายตาบ่งบอกถึงความรู้สึกที่ไม่อาจบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้
..........................
เมื่อได้เล่นเครื่องเล่นอีกสองสามอย่างจนพอใจแล้ว ทั้งคู่ก็เดินไปหาที่นั่งพักกัน ก่อนอี้ชิงจะเหลือบไปเห็นใครคนนึงทึ่คุ้นตา ฝ่ายคริสที่เห็นปฏิกิริยาหวาดกลัวของคนตรงหน้าก็ลากคนตัวบางวิ่งหนีทันที
ทั้งคู่มาหยุดอยู่ที่ชิงช้าสวรรค์ ไม่รู้เป็นความบังเอิญหรือความโชคดี ที่วิ่งมาถึงปุ๊บก็ได้ขึ้นชิงช้าสวรรค์เลย
ชิงช้าลอยขึ้นมาถึงจุดสูงสุดก่อนจะหยุดค้าง เช่นเดียวกับคนทั้งคู่ที่ต่างจ้องหน้ากันและกันนิ่ง ริมฝีปากบางเคลื่อนที่เข้าไปใกล้ริมฝีปากอิ่มจนประกบกันในที่สุด ปลายลิ้นร้อนของคนตัวสูงค่อยๆสอดเข้าไปในโพรงปากอุ่นของอี้ชิง คนตัวบางตวัดลิ้นตอบรับจูบของคริสอย่างไม่ประสา ทั้งคู่จูบแลกลิ้นกันอยู่ร่วมนาที ก่อนที่คริสจะยอมผละออกเมื่อเห็นอี้ชิงเริ่มขาดอากาศหายใจ
.................................
พอกลับมาถึงบ้าน คริสก็รีบตรงเข้าห้องนอนตัวเอง ก่อนจะรื้อค้นลิ้นชักหัวนอนเพื่อหายาที่ตนห่างหายไปพักใหญ่ขึ้นมากรอกเข้าปากทันที
อาการปวดหัวของเซลล์สมองที่สั่งการผิดปกติ อันเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคอัลไซเมอร์ ทำให้เค้าต้องเขียนโพสอิททุกวัน ใช่แล้ว จุดประสงค์ของมันไม่ได้เพื่อบรรยายความรู้สึกดีๆต่ออี้ชิง หากแต่เอาไว้เตือน เผื่อวันใดที่ตื่นขึ้นมาแล้วเค้าจำอะไรเกี่ยวกับคนร่างบางไม่ได้ต่างหาก
................................
หนังสือพิมพ์ฉบับเช้าวันนี้ทำให้ผมได้รู้สาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมคนตัวบางถึงมาขออยู่กับผม
‘อี้ชิงมีคนรักอยู่แล้ว’
โพสอิทอันล่าสุดถูกแปะข้างๆรูปคู่ของอี้ชิงกับชายคนนึงในชุดสูทสีดำดูภูมิฐาน ไม่น้อย และที่สำคัญทั้งคู่รักกันมาก แต่เพราะหวงจื่อเทา ผู้ชายในรูปแอบมีชู้ อี้ชิงทนไม่ได้เลยแอบหนีมา
มันถึงเวลาแล้วสินะ ที่ผมจะต้องส่งเค้ากลับไปอยู่ในที่ๆเหมาะสมกับเค้า
ผมโทรไปตามเบอร์ในหนังสือพิมพ์ เพื่อนัดคุยกับเค้าเรื่องอี้ชิง
ผมบอกว่าอี้ชิงอยู่กับผม และเย็นนี้ให้เค้ามารับตัวอี้ชิงได้ที่บ้านผม
นี่ผมทำถูกต้องแล้วใช่มั้ย อี้ชิงจะมีความสุขกว่าการอยู่กับคนเป็นโรคอัลไซเมอร์อย่างผมใช่มั้ย
ผมตกลงกับคนที่ชื่อหวงจื่อเทา และขอร้องเค้าเพียงสองข้อ คำขอร้องที่คนอย่างผมไม่สามารถทำให้อี้ชิงได้อีก ได้โปรดดูแลอี้ชิงให้ดี รักและมีเค้าแค่คนเดียว ผมขอคุณแค่นี้ หวังว่าคงไม่ยากเกินไปนะครับ
......................................
อี้ชิงได้ทีเห็นคนตัวสูงออกไปข้างนอกก็เลยแอบเข้าไปในห้องนอนที่เจ้าตัวหวงนักหวงหนา แล้วก็ได้พบความจริงอันหน้าตกตะลึง ดวงตาคู่สวยไล่อ่านไปตามโพสอิททีละแผ่นๆ
‘ชื่ออื้ชิง จะมาอยู่ด้วย2-3วัน'
‘สร้อยนาฬิการูปหยดน้ำ อี้ชิงให้เป็นของตอบแทน'
'อี้ชิงชอบกินหมูทอดที่สุด'
'อี้ชิงกลัวแมลงสาป'
'พรุ่งนี้อี้ชิงบอกว่าอยากไปเที่ยวสวนสนุก'
‘อี้ชิงมีคนรักอยู่แล้ว’
‘ผมเป็นครูสอนเปียโน’
‘ผมเป็นอัลไซเมอร์’
‘ผมรักอี้ชิง’
มือเรียวยกขึ้นปิดริมฝีปากเพื่อกลั้นก้อนสะอื้นในคอ ความจริงที่เพิ่งรับรู้มันเจ็บปวดเกินกว่าจะรับได้ คริสต้องทรมานมากขนาดไหน สงสารเหลือเกิน เค้าสงสารผู้ชายคนนี้เหลือเกิน
ไม่กี่นาทีต่อมาคริสก็เดินเข้ามาในห้อง อี้ชิงยืนเหม่อจนไม่รู้ตัวว่าคนตรงหน้ากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ เค้ารู้เพียงแต่อยากปลอบ อยากบรรเทาความทุกข์ในใจของคนๆนี้ให้ลดน้อยลง มือเรียวยกขึ้นประคองใบหน้าของคริสอย่างทะนุถนอม
ร่างสูงจับมือเรียวที่ประคองใบหน้าของตนออกก่อนจะลากร่างบางลงมาข้างล่าง
ดวงตาคู่สวยของอี้ชิงเบิกโพลงเมื่อเห็นหวงจื่อเทา แฟนหนุ่มที่ตนหนีมาเมื่อสองเดือนก่อน น้ำตาที่ยังไม่เหือดแห้งดีเอ่อทะลักนัยตาคู่สวยลงมาอีกรอบ
“ทำไมทำกับฉันแบบนี้” คนหน้าหวานตวาดถามออกมาอย่างไม่เข้าใจ
“คุณกลับไปใช้ชีวิตของคุณดีกว่า ยังไงผมก็จำคุณไม่ได้อยู่ดี” ฝืนตีหน้าเฉยชาเหมือนไม่รู้สึกอะไรจ้องใบหน้าหวานนิ่ง ก่อนจะจับสร้อยนาฬิการูปหยดน้ำกุมไว้ในมือแน่นแล้วกระชากหลุดออกมาในครั้งเดียว
สร้อยสวยถูกส่งคืนยังเจ้าของเดิม อี้ชิงโกรธจนตบหน้าคริสไปฉาดใหญ่ ก่อนจำใจเดินกลับไปหาแฟนหนุ่มของตัวเองทั้งน้ำตา
“ขอบคุณมากนะครับคุณคริส” จื่อเทาเอ่ยจบก็ประคองคนหน้าหวานขึ้นBMWคันหรูขับออกไป
.................................
3 ปีต่อมา
หลังจากแต่งงานกันอี้ชิงกับจื่อเทาก็รับเด็กกำพร้ามาเลี้ยงเป็นลูก คริสถูกติดต่อให้มาเป็นครูสอนเปียโนให้กับลูกสาวของคุณหนูตระกูลหวง
นี่เป็นครั้งแรกที่อี้ชิงได้พบกับคริสอีกครั้ง สายตาของร่างสูงที่มองมาที่ตนช่างว่างเปล่า ราวกับไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
“คุณครูช่วยดูนาฬิกาให้ผมหน่อยได้มั้ยครับ มันไม่เดินมาหลายปีแล้ว” ร่างบางพูดพลางยื่นสร้อยนาฬิการูปหยดน้ำใส่มืออีกฝ่าย
แม้คริสจะไม่เข้าใจว่าทำไมคุณนายตระกูลหวงถึงเอานาฬิกามาให้ตนช่วยดูให้ ก็จำใจรับมาถือแล้วเปิดดูหน้าปัดออก ก่อนจะยื่นส่งคืนให้กับเจ้าของ
“มันก็เดินหนิครับ” คริสพูดจบก็หันหลังให้คนร่างบางก่อนจะยกหลังมือขึ้นมาปาดน้ำตา ที่เค้าเองก็ไม่รู้สาเหตุว่ามันไหลออกมาได้อย่างไร
.....................................
...........................
..............
Talk : เราแต่งฟิค EXO ครั้งแรก ฟังเพลงแล้วก็เลยอยากเขียนเรื่องนี้ขึ้นมา
เนื้อหาในเรื่องจะคล้ายใน MV บ้าง เพราะชอบเพลงนี้ มันเศร้าดีค่ะ
แต่เราแต่งออกมาไม่รู้จะเศร้าหรือเปล่านะ ขอบคุณทุกคนที่หลงเข้ามาอ่านค่ะ ^^
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ CindejoyLa ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ CindejoyLa
ความคิดเห็น